ฝ่ายท้าวกะหมังกุหนิงทราบจากทูตว่าท้าวดาหา ไม่ยอมยกนางบุษบา  ทั้งไม่รับบรรณาการและแจ้งข่าวศึกไปขอกำลังจากเมืองเทวาทั้งสามและเมืองจรกาก็โกรธสั่งให้ทัพ มีวิหยาสะกำเป็นกองหน้า  ระตูปาหยัง และระตูประหมันเป็นกองหลัง ตนเป็นกองหลวง ยกทัพออกจากเมืองโดยไม่ฟังคำทัดทานของโหร เร่งเดินทัพตีหัวเมืองรายทางเรื่อยจนมาตั้งทัพประชิดเมืองดาหา
       ท้าวดาหาสั่งให้ตกแต่งค่ายคูหอรบและกะเกณฑ์รี้พลประจำหน้าที่ป้องกันเมืองอย่างแข็งขัน สุหรานากงนำทัพออกประลองกำลังกับข้าศึกแต่ท้าวดาหาห้ามไว้ ขอให้ตั้งรับอยู่ในเมืองรอทัพอื่นๆที่จะมาถึง
อิเหนาได้รับสาส์นของท้าวกุเรปัน  มีใจความว่าเมืองดาหามีศึกมาติดเพราะอิเหนาเป็นต้นเหตู  ควรที่จะต้องรีบไปช่วย มฉะนั้นจะตัดพ่อตัดลูก
ราชสาส์นถึงท้าวหมันหยา  ที่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้อิเหนากับนางจินตะหราวาตีจนเกิดศึกใหญ่  ถ้าไม่ส่งทัพไปช่วยจะตัดญาติกัน  ระตูหมันหยาจึงส่งระเด่นดาหยนคุมทัพเมืองหมันหยาเข้าร่วมกับอิเหนา
อิเหนากล่าวลานางจินตะหราเพื่อไปเมืองดาหา  นางจินตะหราเศร้าใจและตัดพ้ออิเหนาคงสิ้นรักในตัวนางและคิดกลับไปชมเชยนางบุษบา  อิเหนาปลอโยนชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องจากไปชั่วคราวพร้อมทั้งแสดงสาส์นของท้าวกุเรปันเป็นพยาน  นางจึงค่อยคลายความโศกเศร้า ก่อนจากไปอิเหนาได้มอบสังวาล ส่วนนางจินตะหรามอบสไบให้แก่กันไว้ดูต่างหน้า
ระหว่างอิเหนาเดินทางก็คร่ำครวญถึงนางทั้งสามและชมไม้ชมนก มีประสันตาพี่เลี้ยง ผู้มีอารมณ์ขันคอยดย้าแหย่ผ่อนคลายความทุกข์ จนเลื่อนทัพมาพบกับกะหรัดตะปาตีเชษฐา  แล้วสมทบกันเดินทัพไปตั้งตรงปลายแดนเมืองดาหา